นักออกแบบ John Kelly ได้สร้างชื่อเสียงของเขามามากกว่า 30 ปีในการออกแบบเฟอร์นิเจอร์สำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น Calvin Klein, Hinoki Kagu และ Koda รวมไปถึงคอลเลกชันที่ใช้ชื่อของเขาอีกด้วย ที่นี่เขาจะพูดคุยกับเราเกี่ยวกับงานล่าสุดของเขาและบทบาทของความกล้าหาญในการสร้างสรรค์ ความรักของเขาที่มีต่อไม้แปรรูปและคอลเลกชันต้นโอ๊กแดงอเมริกันของเขา
JK เกี่ยวกับการออกแบบ…
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนักออกแบบในการตระหนักถึงงานของพวกเขาในระดับพาณิชย์คืออะไร
ผมจะพูดว่าสัดส่วนที่ยากที่สุดของการดำเนินการออกแบบทั้งหมดคือการพยายามโน้มน้าวลูกค้าของคุณให้มีความกล้าและลองเสี่ยงกับโอกาส หากคุณกำลังพยายามสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาในฐานะที่เป็นนักออกแบบ เหตุการที่แย่ที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้คือการมีลูกค้าที่ขี้กลัว พวกเขาต้องเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่! มันมักจะเป็นงานของนักออกแบบเสมอในการค้นหาโซลูชันสำหรับความต้องการของลูกค้าและคาดการณ์ตลาด แต่มันก็สำคัญเท่า ๆ กันสำหรับนักออกแบบในการรักษาซึ่งความซื่อสัตย์ของเจตนารมณ์ในการออกแบบที่ให้ไว้
การประนีประนอมเป็นเรื่องที่จำเป็นเสมอสำหรับการจัดการตลาด แต่ความคงทนก็เป็นเป็นสิ่งจำเป็นเสมอเช่นกันในการเปิดใช้งานนวัตกรรม
ดังนั้น ความสมดุลคือกุญแจสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยากโดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังออกแบบให้กับบุคคลที่หลากหลาย คุณจะโน้มน้าวลูกค้าของคุณให้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์กับคุณได้อย่างไร
ด้วยความสัตย์จริง ในฐานะที่เป็นนักออกแบบ ผมไม่ใช่แฟนตัวยงของการดำเนินการออกแบบที่ใส่ใจกับความชื่นชอบของทุกคนหรือการออกแบบสำหรับกรรมการ ทุก ๆ อย่างก็แค่ถูกเจือจางและขุ่นมัว
เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามมาก ๆ กับธรรมชาติของการออกแบบ ที่สำคัญเลย การออกแบบไม่ใช่กระบวนการที่ต้องใส่ใจกับทุกความชื่นชอบของทุกคน แต่มันเป็นเรื่องของปัจเจกนิยม ซึ่งเกี่ยวกับความคิดของคุณ การที่คุณมีวิสัยทัศน์หรือไอเดียที่ดีกว่าและคุณพยายามที่จะนำเสนอความคิดนั้นออกมา คุณต้องเชื่อว่าการออกแบบของคุณนั้นกำลังทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น และคุณสามารถโน้มน้าวลูกค้าของคุณให้เชื่อในไอเดียของคุณได้
คำแนะนำอะไรที่คุณจะให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ที่พยายามสำรวจโลกของการออกแบบระดับโลก
คำแนะนำที่ดีที่สุดของผมแก่นักออกแบบรุ่นใหม่ก็เหมือนเดิมเสมอคือดูที่ "ข้างในของตัวเอง" เพื่อหาแรงบันดาลใจ คุณไม่สามารถเจอมันได้ในโทรศัพท์มือถือ หรือบน Google หรือ Safari!
ในฐานะนักออกแบบ มันเป็นเรื่องที่ยากสุด ๆ เลยในการไตร่ตรองและคิดถึงวิธีว่าจะสามารถทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นได้อย่างไร และยิ่งยากไปกว่านั้นคือการได้มาซึ่งโซลูชันที่สวยงาม สิ่งที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับการออกแบบคือการไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด มีเพียงแค่คำถามต่าง ๆ ดังนั้นมันไม่สำคัญเลยว่าคนอื่นกำลังทำอะไร
ผมเชื่อว่าการออกแบบทั้งหมดนั้นเริ่มจากการที่มีไอเดีย เมื่อคุณเข้าใจไอเดียนั้นแล้ว ที่เหลือก็จะเป็นเรื่องง่าย ๆ และกลายเป็นกระบวนการการพัฒนาที่บอกกล่าวเพื่อแสดงไอเดียนั้น ส่วนที่ยากจะมาพร้อมกับไอเดีย!
JK เกี่ยวกับตัวเลือกวัสดุ ...
ทำไมคุณถึงชอบออกแบบโดยใช้ไม้แปรรูป
มันเป็นวัสดุที่เยี่ยมยอดมาก เพราะมันคือวัสดุแรกของการทำเฟอร์นิเจอร์และสถาปัตยกรรม! สมัยก่อนเคยเลียนแบบการก่อสร้างหินด้วยไม้เพราะว่ามันง่ายต่อการสลักและราคาถูกกว่า
ไม้ไม่เพียงดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้นแต่ยังทำหน้าที่เป็นตัวล็อคคาร์บอนอีกด้วย มันสร้างและมันยั่งยืน และมันคือวัสดุที่มีชีวิตและมันหายใจซึ่งทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้น สายพันธุ์ไม้ที่หลากหลายนำเสนอคุณภาพและความเป็นไปได้ที่หลากหลายเช่นกัน ดังนั้นมันคือความรับผิดชอบของนักออกแบบในการเลือกไม้แปรรูปที่ถูกต้องเพื่อให้บรรลุถึงความงดงามที่เหมาะสมและสร้างความพึงพอใจต่อเจตนารมณ์ในการออกแบบที่ให้ไว้
ไม้แปรรูปที่คุณออกแบบบ่อยที่สุดคือไม้อะไร
สำหรับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม้โอ๊กขาวอเมริกันและไม้วอลนัทอเมริกันนั้น “อยู่ในสมัยนิยม” เป็นพิเศษ น่าแปลกใจที่เกือบ 85% ของไม้เนื้อแข็งทั้งสองนี้ยังคงใช้ในโครงการปัจจุบันของผม
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะไม้เนื้อแข็งทั้งสองนั้นเป็นไม้ที่ดีมาก แล้วที่เหลือในป่าล่ะ มีไม้เนื้อแข็งอื่น ๆ อีกมากมายที่ใช้ได้และบ่อยครั้งงานของผมคือการให้คุณค่ากับการวางแผนเพื่อความต้องการของลูกค้าในการทำบางสิ่งให้เสร็จสิ้นด้วยราคาที่คุ้มค่ามากขึ้นและเป็นพาณิชย์มากขึ้น
ในกรณีเหล่านี้ผมใช้ไม้แอชและไม้ทิวลิปวูดเป็นวัสดุทดแทน แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าต้นโอ๊กแดงสามารถเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้ได้
JK ในคอลเลกชันใหม่ของเขา – ‘เจ็ดชิ้นส่วนง่าย ๆ’…
คุณเริ่มทำคอลเลกชันนี้จากจุดไหน
ข้อสรุปของการออกแบบ ในโครงการนี้ก็คือการออกแบบคอลเลกชันห้องนั่งเล่นด้วยไม้โอ๊กแดงอเมริกันแบบหนา หกสิบห้าเปอร์เซ็น (65%) ของป่าในสหรัฐอเมริกาคือไม้โอ๊กแดง ซึ่งทำให้มันเป็นไม้ที่อุดมสมบูรณ์และเป็นไม้เนื้อแข็งอเมริกันที่ถูกใช้น้อยที่สุด
ในการออกแบบคอลเลกชันนี้ ผมหวังที่จะเปลี่ยนความคิดที่มีอยู่มาก่อนนี้ว่าบ่อยครั้งนักออกแบบมีไม้โอ๊คแดง และแสดงให้เห็นว่าอะไรที่เป็นไปได้บ้าง และเสนอการผลิตทางเลือกโดยใช้ไม้โอ๊กขาวซึ่งโดยทั่วไปราคาแพงกว่า 10%-15%
ผมคิดว่านักออกแบบส่วนใหญ่มักจะมีการตอบโต้ต่อไม้โอ๊กแดงในช่วงแรกไม่ต่างกัน พวกเขาคิดว่ามันจะเป็นสีแดงมาก ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วชื่อของมันมาจากสีของใบไม้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ความคิดอคติก็คือไม้โอ๊กขาวนั้นดูเป็นกลางมากกว่าและช่วยให้มีทางเลือกมากกว่าในขั้นตอนการตกแต่งขั้นสุดท้าย
ด้วยเหตุนั้น ผมจึงตัดสินใจว่าหลักการของผมทั้งหมดจะเป็นเรื่องการตกแต่งขั้นสุดท้าย หากผมต้องการเปลี่ยนความเข้าใจที่มีต่อไม้โอ๊กแดงอเมริกันแล้วล่ะก็ ผมต้องแสดงให้เห็นว่าอะไรที่เป็นไปได้ ดังนั้นผมจึงพัฒนาการตกแต่งขั้นสุดท้ายด้วยเซอรูสขึ้นมาสี่สีคือ สีเทา สีน้ำตาล สีแทนและสีเทาเขียวที่ผมคิดว่าจะได้รับการตอบรับโดยตลาดเฟอร์นิเจอเป็นอย่างดีอีกด้วย
คอลเลกชันนี้เป็นแบบมินิมอลแต่มันมีจุดแข็งต่อการมองเห็น บอกเราเกี่ยวกับหลักการการออกแบบของคุณหน่อยได้ไหม
การออกแบบสำหรับคอลเลกชันใหม่นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมของ Louis Kahn และเฟอร์นิเจอร์และศิลปะของ Donald Judd ด้วยความเป็นทางการและด้วยหน้าที่ ผมใช้แผ่นไม้โอ๊กแดงอเมริกันแบบหนาที่เป็นไม้แข็งในการสร้างพื้นผิวเสาหินที่ลอยอยู่บนกรอบโลหะหรือที่ขวางและตัดผ่านซึ่งกันและกัน คอลเลกชันนี้เป็นแบบมินิมอลมาก ๆ ดังนั้นสำหรับคอลเลกชันนี้ผมจึงใช้วัสดุที่มีความหนาเหมือนกันทั้งหมด และใช้ไม้กรอบประตูหน้าต่างที่ช่วยให้ไม้แข็งขยายตัวและหดตัวตลอดทั้งฤดูกาล
ยิ่งผมอายุมากขึ้น ผมยิ่งพยายามลดการออกแบบของผมให้เป็นแบบเบสิคที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่มีอะไรมากเกินพอดี
เราจะได้เห็นคอลเลกชันนี้ในโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ทั่วโลกหรือเปล่า
เมื่อผมนึกถึงความมีชีวิตเชิงพาณิชย์ ผมคิดถึงเรื่องราคาและสไตล์เป็นหลักเพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดความกว้างของตลาดที่มีศักยภาพสำหรับผลิตภัณฑ์ เนื่องจาก "เจ็ดชิ้นส่วนง่าย ๆ" นั้นเป็นคอลเลกชันแบบมินิมอล การผลิตจึงใช้ราคาไม่สูง และเนื่องจากการตกแต่งขั้นตอนสุดท้ายนั้นมีความเป็นกลางและร่วมสมัยมาก ๆ ผมจึงคิดว่ามันมีขอบเขตที่กว้างขวางสำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในตลาดเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่เพียงแค่ในเรื่องของที่อยู่อาศัยและการต้อนรับเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการใช้แบบภายในและภายนอกบ้านด้วย เราจะเปิดตัวคอลเลกชันนี้อย่างเป็นทางการอีกทีในปีนี้หลังจากข้อจำกัดของ Covid-19 นั้นผ่อนคลายลง ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นปฏิกิริยาที่มากขึ้น
John Kelly Furniture
John Kelly Furniture ก่อตั้งขึ้นในปี 1994 โดย John Kelly สถาปนิกผู้มีใบอนุญาตที่ได้ออกแบบและผลิตโครงการสถาปัตยกรรมและของตกแต่งบ้านมาตั้งแต่ปี 1987 เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียในระดับมหาบัณฑิตด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ [1989] และศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาการออกแบบ [1985]
เขาได้อาศัยอยู่ในเมืองนิวยอร์กตั้งแต่ปี 1989 นอกจากคอลเลกชันเอกลักษณ์ของเขาแล้ว เขายังได้สร้างและมีการออกแบบที่ได้รับอนุญาตให้กับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ในอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชียด้วย ลูกค้าเอกชนที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Calvin Klein [สหรัฐอเมริกา], Sable Island [อังกฤษ], Starbay [ฝรั่งเศส], Woven + [เนเธอร์แลนด์], Hinoki Kagu [ญี่ปุ่น], Inart [เกาหลี], Maiori [ฮ่องกง], Koda [สิงคโปร์], Kian [มาเลเซีย], Paiza Living [จีน] และ Wise-Wise [ญี่ปุ่น]
ล่าสุดนั้น John Kelly ทำงานร่วมกับ Kaiser ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริการของพวกเขา
http://www.johnkellyfurniture.com/
H. Nicholas & Co
เจ็ดชิ้นส่วนง่าย ๆ ได้รับการผลิตโดย H. Nicholas & Co บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ที่จังหวัดบิ่นห์เยืองในเวียดนามตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเชี่ยวชาญในการผลิตระดับไฮเอนด์สำหรับแบรนด์ระดับโลกที่ประกอบไปด้วย Lexington, Ben Soleimani และ Ethan Allen บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นโดยอดีตซีอีโอของ Theodore Alexander, Harvey Dondero
ซึ่งต้องการทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อดำเนินการออกแบบโดยใช้วัสดุที่เหมาะสม ทีมงานที่มีทักษะกว่า 300 คนมีประสบการณ์กับไม้แปรรูปทั้งในประเทศและนำเข้ารวมถึงสายพันธุ์อเมริกันด้วย
สามารถเข้าถึงรูปภาพได้ที่นี่: https://www.dropbox.com/Images