ต้นแอชอเมริกัน

ไม้แอชอเมริกันใช้ดีมากสำหรับงานดัดและงานหมุน มีความแข็งแรงและทนทาน พร้อมด้วยลายเนื้อไม้ ลักษณะ และสีที่โดดเด่น

ชื่อภาษาละติน

สายพันธุ์ Fraxinus ประกอบไปด้วย Fraxinus americana

ชื่อทั่วไปอื่น ๆ

นอทเทิร์นแอช เซาเทิร์นแอช N/A

American_ash_big
เปรียบเทียบสายพันธุ์

ต้นแอชอเมริกันโดยปกติโตที่ภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกา รวมอยู่ในป่าเดียวกันกับป่าไม้เนื้อแข็ง ซึ่งกินพื้นที่จากรัฐนิวยอร์กจนไปถึงรัฐทางใต้ ไล่ยาวตามแนวอ่าวเม็กซิโก ต้นโตในบริเวณภูเขาและหาได้ยากในที่เรียบกับชายฝั่ง ทำให้มีลักษณะพันธุ์ที่หลากหลาย ด้วยการแพร่กระจายที่มากขนาดนี้ในเส้นละติจูด ภูมิอากาศ และ สภาพดิน ทำให้ต้นแอชมีความหลากหลายตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในตอนเหนือจะโตช้ากว่าและในตอนใต้จะโตเร็วกว่า มีสายพันธุ์ย่อยเพิ่มเข้ามาด้วย แม้ว่าจะมีอุปสรรคระยะยาวจากแมลงและโรคในป่าส่งผลต่อต้นแอช แต่ต้นแอชก็ยังเป็นสายพันธุ์ที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก

การเติบโตของป่า

ข้อมูลการวิเคราะห์และสำรวจทรัพยากรป่าไม้ (FIA) แสดงให้เห็นว่าต้นแอชในสหรัฐอเมริกา มีจำนวนถึง 671 ล้าน ม3 คิดเป็น 5.1% ของไม้เนื้อแข็งทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา ต้นแอชอเมริกันโต 12.1 ล้าน ม3/ต่อปี ขณะที่ทำการตัดได้ 6.1 ล้าน ม3/ต่อปี ปริมาณสุทธิ (หลังการตัด) เพิ่มขึ้น 6.0 ล้าน ม3/ต่อปี ทรัพยากรปี 2014 แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของต้นแอชนั้นมากกว่าจำนวนที่ตัดในทุก ๆ รัฐใหญ่ ยกเว้น มิชิแกน และ โอไฮโอ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของแมลงเจาะสีมรกตที่เติบโตโดยต้นแอช (EAB) คาดว่าอัตราการตายและการถอนของต้นแอชจะเพิ่มขึ้นในเร็ววันจากการแพร่ระบาดของ EAB เหมือนกับการเติบโตที่มากเกินไปในบางรัฐ

Alabama Arkansas Arizona California Colorado Connecticut District of Columbia Delaware Florida Georgia Iowa Idaho Illinois Indiana Kansas Kentucky Louisiana Massachusetts Maryland Maine Michigan Minnesota Missouri Mississippi Montana North Carolina North Dakota Nebraska New Hampshire New Jersey New Mexico Nevada New York Ohio Oklahoma Oregon Pennsylvania Rhode Island South Carolina South Dakota Tennessee Texas Utah Virginia Vermont Washington Wisconsin West Virginia Wyoming Volume of live trees on forest land, 1000 m³ 0 3.5K All data derives from The Forest Inventory and Analysis Database developed in 2001, a component of the U.S. Forest Service, Department of Agriculture.Data was compiled by AHEC in May 2020 using the most recent state inventory available (2018 for most states).“Forest volume” refers to “Net volume of live trees on forest land" as defined by FIA (see glossary). FIA forest volume data is available for 49 U.S. states (Hawaii and Washington D.C. are omitted) with total commercially significant hardwood forest volume of 14.6 billionWith the 2008 Farm Bill, every US State was tasked to prepare a Forest Action Plan by 2010, reviewed in 2015, to include comprehensiveassessment of forest condition and a strategy for sustainable forestry. Further details are available from theNational Association of State Foresters
Back to whole mainland U.S. 0-20K 20K-40K 40K-60K 60K-80K 80K-100K 100K-120K > 120K Volume of live trees on forest land, 1000 m³ 0 200K
-15K -10K -5K 0 5K 10K 15K 20K 25K GROWTH AND REMOVALS, 1000 m³ -10K -9K -8K -7K -6K -5K -4K -3K -2K -1K 0 1K 2K 3K 4K 5K 6K 7K 8K 9K 10K GROWTH AND REMOVALS, 1000 m³ -2000 -1750 -1500 -1250 -1000 -750 -500 -250 0 250 500 750 1000 1250 1500 1750 2000 GROWTH AND REMOVALS, 1000 m³ -300 -200 -100 0 100 200 300 400 500 GROWTH AND REMOVALS, 1000 m³ Removals 0 Growth 0 Net growth 0
0 200K 400K 600K 800K 1M 1.2M FOREST VOLUME, 1000 m³ 0 40K 80K 120K 160K 200K 240K 280K 320K 360K 400K 440K FOREST VOLUME, 1000 m³ 0 10K 20K 30K 40K 50K 60K 70K 80K 100K FOREST VOLUME, 1000 m³ 0 4K 8K 12K 16K 20K FOREST VOLUME, 1000 m³ Forest volume 0

LCA Tool

7.61
seconds
it takes 19.05 seconds to grow 1m³ of American ash
The replacement rate is calculated from total U.S. annual increment of the specified hardwood species derived from the U.S. Forest Service Inventory and Analysis (FIA) program and assumes that 2 m³ of logs is harvested to produce 1 m³ of lumber (i.e. 50% conversion efficiency). The rapid rate of replacement is due to the very large volume of hardwood trees in U.S. forest.

Global Warming Potential (Kg CO2 -eq)

03000-30006000-6000

Primary Energy Demand from Resources (MJ)

04000-40008000-8000

Primary Energy Demand from Renewables (MJ)

010000-1000020000-20000

Acidification Potential (Moles of H+ eq.)

04-48-8

Freshwater Eutrophication Potential (Kg P -eq)

00.002-0.0020.004-0.004

Marine Eutrophication Potential (Kg N -eq)

00.06-0.060.12-0.12

Photochemical Ozone Creation Potential (Kg NMVOC)

04-48-8

Resource Depletion (Kg Sb -eq.)

00.0003-0.00030.0006-0.0006
Key
Forestry
Drying
Sawmill
Transport Forest-Kiln
Transport Kiln-Customer
Carbon uptake
Global Warming PotentialPrimary Energy Demand from ResourcesPrimary Energy Demand from RenewablesAcidification PotentialFreshwater Eutrophication PotentialMarine Eutrophication PotentialPhotochemical Ozone Creation PotentialResource Depletion
UnitKg CO2 -eqMJMJMoles of H+ eq.Kg P -eqKg N -eqKg NMVOCKg Sb -eq.
Forestry
/310111000.335/0.0003990.4220.00000241
Drying
38.55806060.2150.0003170.01021.360.0000246
Sawmill
-14180522400.2560.0001590.005210.1830.000218
Transport Forest-Kiln
61.785413.80.2840.0004340.007250.3560.0000374
Transport Kiln-Customer
193257038.83.20.000850.06062.410.000107
Carbon uptake
-2960///////
Total-28105110140004.290.001760.08374.740.00039
เปรียบเทียบสายพันธุ์
  • ต้นแอชที่มาจากสหรัฐอเมริกา มาพร้อมในรูปแบบไม้เลื่อยแปรรูปและแบบแผ่นไม้อัดซึ่งมีให้เลือกมากมายทั้งแบบเกรดและขนาด ในตอนเหนือ ส่วนกระพี้ไม้ดูเหมือนจะมีน้อยกว่าเนื่องจากฤดูการเติบโตที่สั้นกว่ากระพี้ไม้ในตอนใต้ซึ่งเป็นที่ที่ไม้โตได้เร็วกว่าเพราะมีลายและพื้นผิวที่เปิดมากกว่า ต้นแอชอาจถูกขายในสีธรรมชาติและพร้อมส่งออกทั่วโลก ต้นแอชอยู่ในอันดับ 4 ในเรื่องสายพันธุ์หลักของไม้เนื้อแข็งอเมริกันที่ถูกส่งออกไปทั่วโลกโดยคิดตามปริมาณในปี 2015
  • ไม้แอชแปรรูปมีให้เลือกหลายเกรดจาก 4/4" (1" หรือ 25.4 มม.) ไปจนถึง 8/4" (2" หรือ 52 มม.) แม้แต่ปริมาณที่จำกัดอย่าง 10/4" 2.5" หรือ 63 มม. และ 12/4" (3’ หรือ 75 มม.) ก็สามารถหาได้
เปรียบเทียบสายพันธุ์
  • โดยทั่วไป ไม้แอชเป็นสีอ่อน ด้วยกระพี้ที่เปลี่ยนสีจากขาวไปเหลือง และแก่นไม้ที่เปลี่ยนสีจากน้ำตาลอ่อนเป็นน้ำตาลเข้ม ในบางครั้งบริเวณริ้วอาจมีสีที่อ่อนกว่า ความแตกต่างของสีระหว่างกระพี้ด้านนอกสีขาวอ่อนและแก่นไม้ด้านในที่มีสีน้ำตาลที่เข้มกว่านั้นค่อนข้างมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม้แอชโดยปกติมีลายเนื้อไม้ที่ตรงและมีพื้นผิวหยาบ ลักษณะที่ปรากฏมีลายเนื้อไม้ที่คมชัดซึ่งตัดกันระหว่างการเติบโตในช่วงฤดูร้อนอ่อน ๆ และในช่วงวงปีฤดูหนาว ไม่มีชิ้นใดเลยที่มีรูปร่างที่เหมือนกัน
  • รอยด่างสีน้ำตาลอ่อน หรือ ริ้วลายแร่ บางครั้งอาจเรียกเป็น "หนอนแก้ว" รอยเหล่านี้เป็นสิ่งปกติบนไม้แอช เป็นลักษณะตามธรรมชาติ ที่ไม่ถูกมองว่าเป็นตำหนิตามเกณฑ์การให้เกรดของ NHLA พวกเขาไม่ทำลายความสมบูรณ์ของไม้

คุณสมบัติเชิงกลไก

ไม้แอชมีคุณสมบัติของความแข็งแรงโดยรวมดีเมื่อเทียบกับน้ำหนัก มีการทนแรงกระแทกที่ดี สามารถรับแรงจากการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์กีฬา เช่น ไม้เบสบอลได้ ไม้แอชโค้งงอได้ดีมาก ดังนั้นจึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ผลิตเครื่องเรือนและผู้ที่ชอบทำเป็นงานอดิเรก ไม้แอชเหมาะสำหรับเครื่องเรือนและพื้นเพราะเเข็งมาก มีความคงทนเมื่อเเห้งเเละง่ายต่อขัดเงาเเละย้อมสี

To find out more about the mechanical properties of ash read the full structural guide.

  • 0.6

    ความถ่วงจำเพาะ (12% M.C)

    673 kg/m3

    น้ำหนักเฉลี่ย (12% M.C)

    10.70%

    ปริมาณการหดตัวเฉลี่ย (เขียว ถึง 6% M.C)

    103.425 MPa

    โมดูลัสของการแตกออก

    11,977 MPa

    โมดูลัสของความยืดหยุ่น

    51.092 MPa

    แรงอัด (ขนานกับลายเนื้อไม้)

    5,871 N

    ความแข็ง
เปรียบเทียบสายพันธุ์
Oiled
ash_oiled
Un-oiled
Ash_unoiled_03.jpg
เปรียบเทียบสายพันธุ์

งานไม้แอชแปรรูปอย่างดีจะมีสมรรถนะที่ดีสำหรับการตอกตะปู การขันสกรูติดกาว และสามารถย้อมสีและขัดให้งานไม้ออกมาดีมากได้ ไม้แอชย้อมสีดำมีการใช้งานในวงการแฟชั่นเครื่องเรือนอย่างหลากหลายเเละประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม้จะเเห้งได้ง่ายมากเเละสึกกร่อนได้น้อยมาก เนื่องด้วยมีความคงทนที่ดีมาก ทำให้มีการเคลื่อนไหวในสมรรถนะไม่มากนัก ไม้อัดที่ทำจากไม้แอชทำเป็นแผ่นออกมาได้ดีต่อวัสดุประเภทบอร์ด แก่นของไม้แอชผุพังได้ง่ายเเละเเก่นไม้มีความทนต่อการรักษาเนื้อไม้ในระดับปานกลาง แต่ในส่วนของกระพี้นั้น ของเหลวสามารถซึมผ่านได้ สิ่งนี้ทำให้ไม้แอชเหมาะมากสำหรับการแปรรูปโดยใช้ความร้อนตามที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ได้ทั่วไปสำหรับพื้นระเบียง วัสดุหุ้ม พื้นผิวส่วนบนของเครื่องเรือน เเละเครื่องเรือนตกเเต่งสวน

เปรียบเทียบสายพันธุ์

ไม้ที่ได้รับการจัดการอย่างยั่งยืนนี้มาจากป่าธรรมชาติของทวีปอเมริกาเหนือที่ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม เป็นที่นิยมในหมู่นักออกแบบ สถาปนิก ผู้ใช้เฉพาะทางและผู้ใช้งานทั่วโลก การใช้งานหลักคือใช้ทำเครื่องเรือน พื้น ประตู สถาปัตยกรรมด้านงานไม้โดยเฉพาะกรอบประตูหรือหน้าต่างเเละการหล่อตู้ต่าง ๆ ในห้องครัว เครื่องมือเเละมือจับสำหรับใช้ในอุปกรณ์กีฬา

การหล่อ
วัสดุทำพื้นห้อง
เครื่องเรือน
ประตู